การเลือกซื้อ รถมือสอง ให้คุ้มค่าและปลอดภัยต้องดูหลายปัจจัย ทั้งสภาพรถ เอกสาร และประวัติการใช้งาน เพื่อไม่ให้เสียเงินฟรีหรือได้รถที่ต้องซ่อมเยอะในภายหลัง
✅ 13 วิธีเลือกซื้อรถมือสองอย่างมั่นใจ
1. กำหนดงบประมาณก่อน
-
ตั้งงบรวมค่าโอน ค่าซ่อม และประกัน (ถ้ามี)
-
เผื่องบไว้ 10–15% สำหรับค่าซ่อมเบื้องต้นหลังซื้อ
2. เลือกรุ่นรถตามการใช้งาน
-
🚗 ขับในเมือง: Toyota Yaris, Honda City
-
🚙 ไปต่างจังหวัดบ่อย: SUV หรือกระบะ
-
💼 ใช้งานเชิงพาณิชย์: กระบะตอนเดียว/รถตู้
-
เลือกรุ่นที่ อะไหล่หาง่าย, ประหยัดน้ำมัน, มีศูนย์บริการใกล้บ้าน
3. ตรวจสอบประวัติรถ
-
ขอดูเล่มทะเบียน (เล่มเขียว)
-
เช็กประวัติอุบัติเหตุ หรือจมน้ำจากเว็บไซต์กรมขนส่งทางบก
-
ขอให้เจ้าของรถหรือเต็นท์เปิด เช็กประวัติผ่าน Carfax/Thaicar Inspection (ถ้ามี)
4. ดูเลขไมล์
-
ไมล์น้อยกว่า 20,000 กม./ปี ถือว่าปกติ
-
ไมล์ที่ต่ำผิดปกติอาจมีการกรอไมล์ → ควรตรวจสอบกับศูนย์
5. ตรวจสอบเลขตัวถัง (VIN) และเลขเครื่อง
-
ให้ตรงกับในเล่มทะเบียน
-
ไม่มีรอยขูดลบหรือแก้ไข
6. ดูโครงสร้างตัวถัง
-
เปิดฝากระโปรงดูโครงสร้างซุ้มล้อ, คานหน้า, เสา A–B–C ว่ามีการชนหนักหรือเชื่อมหรือไม่
-
เช็กรอยตัดต่อ หรือพ่นสีใหม่ทั้งคัน
7. เครื่องยนต์เดินเรียบ ไม่มีเสียงแปลก
-
ไม่ควรมีเสียงดัง, กระตุก, เร่งไม่ขึ้น
-
น้ำมันเครื่องไม่ควรขุ่นหรือมีตะกอน
8. เช็กช่วงล่าง
-
ลองขับบนถนนขรุขระ → ฟังเสียงช่วงล่าง
-
ไม่มีเสียง "กึกๆ" หรือ "แกร๊กๆ"
9. เช็กระบบเกียร์
-
เกียร์ออโต้ควรเปลี่ยนเกียร์นุ่ม ไม่กระตุก
-
เกียร์ธรรมดาคลัตช์ไม่ลื่น เข้าเกียร์ง่าย
10. ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
-
เช็กไฟหน้า, ไฟเบรก, แตร, กระจกไฟฟ้า, แอร์, วิทยุ
11. เช็กยางและเบรก
-
ดอกยางสม่ำเสมอ ไม่ปริ แตก
-
ผ้าเบรกเหลือพอไหม
-
เหยียบเบรกแล้วไม่สั่นหรือมีเสียง
12. ลองขับจริง
-
ขับทดสอบอย่างน้อย 10–15 นาที บนหลายสภาพถนน
-
เช็กการทรงตัว เบรก เร่ง ความนิ่งของพวงมาลัย
13. ตรวจสภาพกับช่างที่ไว้ใจได้
-
จ้างช่างหรือผู้เชี่ยวชาญไปด้วยก่อนตัดสินใจ
-
หรือใช้บริการตรวจสภาพรถมือสองจากสถาบันที่รับรอง เช่น B-Quick, Cockpit, หรือศูนย์ของแต่ละแบรนด์
📄 เอกสารสำคัญที่ต้องมี:
-
เล่มทะเบียน (ตัวจริง) หรือเอกสารไฟแนนซ์กรณีติดไฟแนนซ์
-
ใบโอน + สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ
-
สัญญาซื้อขาย